ปูผัดซอสเผ็ด

                                                                       ปูผัดซอสเผ็ด
วันหยุดยาว ๆ แบบนี้ ... เรามาหาเรื่องทำเมนูอร่อย ๆ กันดีกว่า  กับเมนูปูผัดซอสเผ็ด  อีกเมนูเด็ดของพิมค่ะ              เมนูปูผัดซอสเผ็ดเนี่ย .... จุดเริ่มต้นของเมนูนี้เนี่ย เกิดจากวันนึงพิมได้ดูรายการทีวีรายการนึงของสิงคโปร์นะคะ    เค้ามีการเอาปูมาทำเป็นเมนู #ปูผัดซอสพริก   ซึ่งดูแล้วน่าสนใจมากกกก #เรื่องของเรื่องคือน่ากินมาก  พิมก็เลยลองเอามาหัดทำดูค่ะ   แต่ว่าตามต้นฉบับเนี่ย เค้าจะปรุงรสให้เป็นแบบสามรส  แต่ออกหวานนำค่อนข้างเยอะมาก ๆ     ซึ่งปกติแล้วพิมเป็นคนที่ไม่ค่อยกินอาหารคาวที่มีรสหวาน   ก็เลยลองเอามาปรับสูตรดูอ่ะค่ะ   โดยลดปริมาณน้ำตาล และเพิ่มส่วนผสมอื่นเข้าไปแทน ให้ออกรสเผ็ดนำนิด ๆ  เปรี้ยวหวานเค็มตามแต่ไม่มากนะคะ   ผลก็คือเป็นที่อร่อยถูกปากของคนในครอบครัวรวมไปถึงเพื่อนฝูง  ก็เลยทำให้พิมทำเมนูนี้กินมาเรื่อย ๆ หลายปีแล้วอ่ะค่ะ  ...... วันนี้พิมก็เลยเอาสูตรมาฝากเพื่อน ๆ ให้ไปลองทำกันดูนะคะ  เผื่อว่าวันหยุดนี้ ไม่รู้จะทำเมนูอะไรดี  จะได้ลองเอาเมนูนี้ไปทำกันอ่ะค่า ^__^
stir fried spicy crab 27
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ปูดำ น้ำหนักประมาณ 700 กรัม
- หอมใหญ่ 1 หัวกลางๆ น้ำหนักประมาณ 90 กรัม สับละเอียด
- ขิงแก่ปอกเปลือก ฝานเป็นแผ่น 5-6 ชิ้น
- หอมแดงปอกเปลือก 6 หัวกลางๆ
- ซอสมะเขือเทศ  1/2 ถ้วย
- ซอสเผ็ด แจสซี่ 1/4 ถ้วย
- ซอสกระเทียม แจสซี่ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น  1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1  ถ้วย
- น้ำส้มสายชู  1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟองใหญ่
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
- น้ำสำหรับละลายแป้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมหั่นท่อนสั้น 1 นิ้ว  3 ต้น                                                                                                                         - พริกชี้ฟ้าแดง หั่นเฉียง  1 เม็ดใหญ่
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้น ...... เรามาดูที่ปูกันก่อนนะคะ ^_^  
สำหรับปู เมนูนี้พิมเลือกใช้เป็นปูทะเล หรือที่หลายคน #รวมถึงพิม  เรียกว่า  #ปูดำ  ค่ะ ซึ่งเจ้าปูชนิดนี้เนี่ยก็จะมีทั้งปูเนื้อและปูไข่    โดยปูตัวไหนที่มีไข่ก็จะเรียกปูไข่  แต่ถ้าปูตัวไหนไม่มีไข่ ก็จะเรียกปูเนื้อนะคะ  ซึ่งปูแบบนี้เนี่ยก็จะมีทั้งจับมาจากธรรมชาติ และก็เป็นปูเลี้ยง รสชาติก็จะแตกต่างกันไป    ซึ่งปูชนิดนี้เนี่ยจะมีความแน่นของเนื้อ และเนื้อเต็มกระดองมากกว่าปูม้าอ่ะค่ะ  
                                                                  ยำผักบุ้งทอดกรอบ
เข้าหน้าร้อนแล้ว อารมณ์คนก็เริ่มหงุดหงิดตามอากาศ เพราะนั้นเรามาทำเมนูแซ่บ ๆ  ประเภทยำ ๆ กินดับร้อนกับบ้างดีกว่าเน๊าะคะ #หรือจะเพิ่มความร้อนดี 555                                                                                                         เมนูที่พิมจะมาทำให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันในวันนี้ ก็คือ เมนู ยำผักบุ้งทอดกรอบค่ะ  เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชอบสั่งมากกกกกกกกกกกกกก เวลาไปกินข้าวตามร้านอาหารต่างๆ  นะคะ   แต่ด้วยความที่แต่ละร้านเค้าก็มีวิธีการทำยำผักบุ้งทอดกรอบไม่เหมือนกัน  บางที่ก็ทำถูกใจพิม  บางที่ก็ทำไม่ถูกใจพิม  #ไม่ได้ว่าไม่อร่อยนะคะแค่ไม่ถูกใจพิม  ....... เพราะงั้นพิมก็เลยคิดว่าถ้าอยากเอาแบบถูกใจตัวเอง 100%  ก็ทำกินเองน่าจะดีกว่าอ่ะค่ะ ^^"   ก็เลยเป็นที่มาของเมนูยำผักบุ้งในวันนี้นะคะ                                                                                                                                                             ไม่พูดเยอะ ........ ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่าค่า ^_____^ 
crispy deep fried morning glory salad 22  
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ผักบุ้งจีน 10 ต้น
- แป้งทอดกรอบ 9 ช้อนโต๊ะ
- โซดาแช่เย็น 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทอดผักบุ้ง  2 ถ้วย หรือมากกว่านี้ก็ได้
- หมูสับติดมันเล็กน้อย  60 กรัม
- กุ้งแกะเปลือก ผ่าหลัง  8 ตัว   (ขนาดตัวละ 25-30 กรัม)
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 4 หัวใหญ่
- พริกขี้หนูสวนซอย   1 - 2 ช้อนโต๊ะ  (ตามความเผ็ดที่ชอบ)
- น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิอัมพวา 4 ข้อนโต๊ะ
- น้ำที่ได้จากการรวนหมู 2 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงทอด หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด  1/4 ถ้วย หรือมากน้อยตามชอบ
- ขึ้นฉ่ายหั่นละเอียด 1  ก้าน 
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเรามาจัดการกับผักบุ้งกันก่อนเน๊าะคะ .... สำหรับผักบุ้งเนี่ย  เพื่อน ๆ จะเลือกใช้เป็นผักบุ้งไทยหรือผักบุ้งจีนก็ได้ เอาตามที่สะดวกเลย ใช้ได้เหมือนกันค่ะ  #ในภาพด้านล่างเป็นผักบุ้งจีน
เมื่อได้ผักบุ้งมาแล้ว ก็ให้เราตัดโคนส่วนที่แก่ ๆ ทิ้งไป  เด็ดใบเหลืองใบแก่ เด็ดรากที่โผล่ออกมาจากข้อผักบุ้งทิ้งไป   แล้วก็เอาผักบุ้งไปล้างน้ำให้สะอาด  ก่อนจะพักไว้ให้สะเด็ดน้ำนะคะ  
ที่มา https://www.pim.in.th

3 ความคิดเห็น: